มีเงิน 1 ล้าน ลงทุนอะไรดี ให้กำไรงอกเงย
นอกจากการฝากเงินในธนาคารแล้ว “การลงทุน” ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถให้โอกาสสร้างผลตอบแทนได้ ปัจจุบันการลงทุนมีหลายประเภทที่น่าสนใจ เช่น การลงทุนในตลาดหุ้น, หุ้นกู้, หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง, กองทุนรวม, อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆอีก ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะ ความเสี่ยง และ ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะมาแนะนำให้รู้จักการลงทุนในแต่ละประเภท พร้อมข้อดี-ข้อเสีย เพื่อเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจให้นักลงทุน
ลงทุนในตลาดหุ้น (Stock Market)
การลงทุนในตลาดหุ้น คือ การซื้อ “หุ้น”ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นจะได้สิทธิเป็น “เจ้าของบริษัท” ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยหวังในโอกาสที่จะได้รับส่วนแบ่งกรณีบริษัทมีกำไร หรือที่เราเรียกว่าเงินปันผล และ โอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นที่สามารถขึ้นหรือลงได้ตามปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น
ข้อดีของการลงทุนในตลาดหุ้น: นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลหากบริษัทมีกำไร หรือ มีนโยบายจ่ายปันผล และส่วนต่างของราคาซื้อขายหุ้น
ข้อเสียของการลงทุนในตลาดหุ้น: นักลงทุนมีโอกาสไม่ได้ผลตอบแทนหากบริษัทไม่ได้มีกำไร หรือ ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล และ มีโอกาสสูญเสียเงินลงทุนจากความผันผวนของราคาหุ้นจากผลประกอบการ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือภัยพิบัติที่อาจส่งผลต่อตลาดหุ้นโดยรวม
อ่านต่อ บทความ: หุ้น คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
ลงทุนในกองทุนรวม (Mutual Fund)
การลงทุนในกองทุนรวม คือ ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่มีรวมหลักทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ โดยมีผู้บริหารหรือทีมบริหารจัดการกองทุนเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนตามวัตถุประสงค์ของกองทุน ตัวอย่างเช่น
- กองทุนเปิดกรุงศรี Equity Sustainable Global Growth-สะสมมูลค่า (KFESG-A) คือ กองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) รู้จักการลงทุน ESG ให้มากขึ้น อ่านต่อ บทความ: ESG อนาคตของการลงทุน การลงทุนเพื่ออนาคต
- กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ (KT-ENERGY) คือ กองทุนรวมตราสารทุนเน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจสำรวจและจัดจำหน่ายพลังงาน รวมถึงพลังงานทดแทนต่างๆ ทั่วโลก
ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม: นักลงทุนสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ที่หลากหลายได้อย่างสะดวกในเวลาเดียวกันเนื่องจากผู้บริหารจัดการกองทุนได้คัดเลือกหลักทรัพย์ไว้แล้ว รวมถึงไม่ต้องคอยติดตามหลักทรัพย์แต่ละตัวตลอดเวลาเพราะมีผู้บริหารจัดการกองทุนคอยดูแลและปรับการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด
ข้อเสียของการลงทุนในกองทุนรวม: เนื่องจากกองทุนมีผู้บริหารหรือทีมบริหารกองทุน ดังนั้น ค่าธรรมเนียมการลงทุนจึงค่อนข้างสูงซึ่งนักลงทุนต้องนำไปพิจารณาในการคำนวนผลตอบแทนสุทธิของนักลงทุนว่าคุ้มกับการที่ลงทุนแล้วหรือไม่
อ่านต่อ บทความ: กองทุนรวม คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
ลงทุนในหุ้นกู้ (Corporate Bond)
การลงทุนในหุ้นกู้ คือ การที่นักลงทุนให้บริษัทเอกชนกู้เงินเพื่อนำไปใช้ในการขยายกิจการหรือโครงการต่างๆ (ผ่านการระดมทุนในรูปแบบการออกหุ้นกู้) โดยการกู้นี้จะมีการกำหนดระยะเวลาการกู้ (Maturity) และอัตราดอกเบี้ย (Interest rate) ที่ชัดเจน ซึ่งการกู้จะมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตัวอย่างเช่น หุ้นกู้แสนสิริ หุ้นกู้ปูนซิเมนต์ไทย หุ้นกู้ CP ALL เป็นต้น
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นกู้: นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนแน่นอนตามที่ระบุในสัญญาหุ้นกู้
ข้อเสียของการลงทุนในหุ้นกู้: ถึงแม้การลงทุนจะมีกำหนดระยะเวลาและผลตอบแทนที่ชัดเจน นักลงทุนก็ยังมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนหากบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้
อ่านต่อ บทความ: หุ้นกู้ คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
ลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Debt Crowdfunding Note)
การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง คือ การที่นักลงทุนให้ SMEs กู้เงินเพื่อนำไปใช้ในการขยายกิจการหรือโครงการต่างๆ การกู้จะอยู่ในรูปแบบการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงจะมีการกำหนดระยะเวลา (Maturity) และอัตราดอกเบี้ย (Interest rate) ที่ชัดเจน หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงมีส่วนใหญ่จะมีอายุหุ้นกู้ไม่เกิน 1 ปี
ในประเทศไทย หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงสามารถลงทุนได้บนแพล็ตฟอร์มคราวด์ฟันดิง หรือ Funding Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อ่านต่อ บทความ ทำความรู้จัก Funding Portal
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง: นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนแน่นอนตามที่ระบุในสัญญาหุ้นกู้และยังได้ช่วย SMEs ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ด้วยข้อจำกัดเช่นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ข้อเสียของการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง: เนื่องจากบริษัทที่ออกหุ้นกู้เป็น SMEs ที่ยังกำลังเติบโตและมีรากฐานทางการเงินที่ยังไม่มั่นคงและแข็งแรง จึงมีความเสี่ยงสูงที่นักลงทุนจะสูญเสียเงินลงทุนเนื่องจาก SMEs ที่ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
อ่านต่อ บทความ: หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
ลงทุนในหุ้นคราวด์ฟันดิง (Equity Crowdfunding Note)
การลงทุนในหุ้นคราวด์ฟันดิง คือ การลงทุนใน “หุ้น” ที่ออกโดย SMEs โดยผู้ถือหุ้นมีสิทธิในการเป็น “เจ้าของบริษัท” ตามสัดส่วนและประเภทของหุ้น
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นคราวด์ฟันดิง: มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล หรือ ส่วนต่างราคาขายหุ้น
ข้อเสียของการลงทุนในหุ้นคราวด์ฟันดิง: การสูญเสียเงินลงทุนหากบริษัทขาดทุนหรือล้มละลาย
อ่านต่อ บทความ: หุ้นคราวด์ฟันดิง คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คือ การลงทุนกับทรัพย์สินที่อยู่ในรูปแบบของที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างที่อยู่บนที่ดินนั้นๆ อาทิเช่น ที่ดินเปล่า อาคาร คอนโด โดยหวังรายได้จากการปล่อยเช่าหรือกำไรส่วนต่างจากราคาขายในอนาคต การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นอกจากค่าทรัพย์สินแล้ว นักลงทุนยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตลอดอายุการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
ข้อดีของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์: มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่า หรือ จากส่วนต่างราคาขายที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ข้อเสียของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์: ใช้เงินลงทุนสูง มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)
การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล เช่น Bitcoin หรือ Ethereum โดยหวังผลกำไรส่วนต่างจากราคาขายในอนาคต คริปโตเคอร์เรนซีจะถูกเก็บไว้บน Digital Wallet ไม่สามารถจับต้องได้
การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเพราะราคาคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูง และ แพล็ตฟอร์มการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซียังคงมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส (ตัวอย่างเช่น บริษัท Zipmex ประเทศไทย ที่ทาง ก.ล.ต. ให้ระงับการให้บริการชั่วคราวไปเมื่อต้นปี 2024)
อ่านต่อ บทความ: คริปโตเคอร์เรนซี คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
สรุปผลตอบแทนการลงทุน
ประเภทการลงทุน | คืออะไร | รูปแบบผลตอบแทน |
---|---|---|
หุ้น (Stock) |
การซื้อหุ้นของบริษัทโดยหวังโอกาสในการรับส่วนแบ่งจากกำไรของบริษัท (เงินปันผล) และส่วนต่างราคาหุ้นที่ขึ้นลงในตลาดหุ้น |
|
กองทุนรวม (Mutual Fund) |
การลงทุนในกองทุน โดยมีผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่วิเคราะห์และรับผิดชอบในการเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุน เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนรวม |
|
หุ้นกู้ (Corporate Bond) |
การลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัท โดยมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย และ ระยะเวลาการกู้ยืมที่ชัดเจน |
|
หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Debt Crowdfunding Note) |
การลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัท SME โดยมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย และ ระยะเวลาการกู้ยืมที่ชัดเจน |
|
หุ้นคราวด์ฟันดิง (Equity Crowdfunding Note) |
การลงทุนในบริษัท SME โดยผู้ถือหุ้นมีสิทธิในบริษัทตามสัดส่วนและประเภทของหุ้น |
|
อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) |
การลงทุนกับทรัพย์สินที่อยู่ในรูปแบบของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เช่น ที่ดิน อาคาร คอนโด โดยหวังรายได้จากค่าเช่าหรือส่วนต่างราคาขายในอนาคต |
|
คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) | การซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล เช่น Bitcoin, Ethereum และอื่นๆ โดยหวังส่วนต่างราคาที่ขึ้นลงในตลาดคริปโต |
|
การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนและความเสี่ยงของการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ เช่น หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นจากการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ ก่อนลงทุนในสิ่งใดก็ตาม นักลงทุนควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการลงทุนให้ชัดเจน ว่าต้องการลงทุนเพื่ออะไร เพื่อช่วยให้นักลงทุนไตร่ตรองและพิจารณาอย่างรอบคอบเรื่องความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
เรามี Checklist ง่ายๆที่สามารถช่วยนักลงทุนทำการบ้านก่อนตัดสินใจลงทุนต้องรู้มาฝาก อ่านต่อ บทความ: Checklist เรื่องที่นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนลงทุน
สุดท้ายนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ชนิดเดียวและควรกระจายความเสี่ยงพอร์ตด้วยสินทรัพย์ที่หลากหลาย หากนักลงทุนสนใจสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง คืออะไรได้ที่นี่