นักลงทุนต้องรู้! เช็คสิทธิลดหย่อนภาษี และการวางแผนยื่นภาษีปี 2566

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คืออะไร?

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากรายได้ของบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเงินได้จากการจ้างแรงงาน การทำธุรกิจ การลงทุน การเช่าอสังหาริมทรัพย์ การได้รับมรดกหรือรางวัล หรือเงินอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเสียภาษี 

ใครมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

อ้างอิง เว็บไซต์กรมสรรพากร  ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่

  • บุคคลธรรมดาที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ และ ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี ที่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีไม่ต่ำกว่า 120,000 บาท (สำหรับบุคคลที่มีสถาณะโสด) และ ไม่ต่ำกว่า 220,000 บาท (สำหรับบุคคลที่มีสถาณะสมรส) 
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • วิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
  • ผู้มีเงินได้สุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน มากกว่า 150,000 บาท

รายได้แบบไหนที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

รายได้หรือเงินได้ที่ต้องเสียภาษีแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้

  • รายได้จากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส บำเหน็จ บำนาญ
  • รายได้จากการประกอบธุรกิจ เช่น กำไรจากการค้า อุตสาหกรรม บริการ ขนส่ง หลักทรัพย์
  • รายได้จากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น เงินค่าเช่าบ้าน ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง
  • รายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล กำไรจากการขายหลักทรัพย์
  • รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระ เช่น เงินได้จากการประกอบอาชีพโรคศิลปะ นักกฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี ประณีตศิลปกรรม
  • รายได้จากการได้รับมรดกหรือพินัยกรรม
  • รายได้จากการได้รับรางวัล เช่น รางวัลจากการประกวด รางวัลจากการชิงโชค รางวัลจากการบริจาค
  • รายได้อื่น ๆ เช่น เงินได้จากการได้รับค่าทดแทนความเสียหาย เงินได้จากการได้รับค่าสินไหมทดแทน เงินได้จากการได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากการรับราชการทหาร

ค่าใช้จ่ายแบบไหนที่สามารถนำมาหักได้ในการคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหักได้ในการคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

ค่าใช้จ่ายเหมา 

เป็นการเหมารวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามประเภทของเงินได้ที่ได้รับ โดยอัตราหักค่าใช้จ่ายเหมาของแต่ละประเภทเงินได้ เช่น

ประเภทเงินได้ หักค่าใช้จ่าย
เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส เบี้ยเลี้ยง 50% ไม่เกิน 100,000 บาท

ค่าใช้จ่ายตามจริง 

เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและจำเป็นต่อการดำเนินกิจการหรืออาชีพของผู้มีเงินได้ เช่น

ประเภทเงินได้ หักค่าใช้จ่าย
ค่านิยม ค่าลิขสิทธิ์ 50% ไม่เกิน 100,000 บาท
วิชาชีพอิสระ ที่ประกอบโรคศิลปะ เช่น กลุ่มเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม เภสัชกรรม การพยาบาล การผดุงครรภ์ กายภาพบำบัด เทคนิคการแพทย์ 60%
วิชาชีพอิสระ เช่น กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี ประณีตศิลปกรรม 30%
รับเหมาก่อสร้าง 60%

ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีอะไรบ้าง?

ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สามารถนำไปหักจากรายได้เพื่อคำนวนเงินได้สุทธิ และ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องชำระ 

รายการ สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ไม่เกิน (บาท) 
 
เงื่อนไข
ผู้มีรายได้ 60,000 -
คู่สมรสที่จดทะเบียน และไม่มีเงินได้ 60,000 -
บุตรอายุไม่เกิน 25 ปี 30,000 ต่อคน -
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดามีอายุ 60 ปีขึ้นไป 30,000 ต่อคน -
ค่าเบี้ยประกันชีวิต กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป 25,000 -
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ 15,000 เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 100,000 บาท
เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 500,000 เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน และค่าซื้อหน่วยลงทุน RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคม 200,000 -
ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร 60,000 -
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เท่าที่จ่ายจริง หักลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 500,000
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หักลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 200,000
เงินลงทุนในหุ้น ธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เท่าที่จ่ายจริง หักลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 100,000

นอกจากนี้นักลงทุนจะต้องพิจารณาการนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเช่น ดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ เงินปันผลจากหุ้นหรือกองทุน ไปรวมกับเงินได้เพื่อประเมินว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่สำหรับการยื่นรายการเงินได้ในส่วนที่โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายทั้งหมด เพื่อรับเครดิตเงินปันผล หรือการขอเงินภาษีคืน

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร?

สูตรการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ภาษีที่ต้องจ่าย = (เงินได้สุทธิ - เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี + ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด

  • เงินได้สุทธิ คือ เงินได้รวมหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ
  • เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า คือ เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้าในตารางอัตราภาษี
  • อัตราภาษี คือ อัตราภาษีตามขั้นบันไดในตารางอัตราภาษี
  • ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด คือ ภาษีที่ต้องจ่ายสูงสุดในขั้นบันไดก่อนหน้า

ทั้งนี้ เงินได้สุทธิสามารถคำนวณได้จาก

เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน 

  • เงินได้ คือ เงินได้ที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  • ค่าใช้จ่าย คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและจำเป็นในการประกอบกิจการหรือในการหารายได้
  • ค่าลดหย่อน คือ รายการค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถนำไปหักออกจากเงินได้ก่อนการคำนวณภาษีเงินได้

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร   

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบันจะคำนวณเป็นแบบขั้นบันได ดังนั้นเงินได้สุทธิแต่ละขั้นจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน โดย “เงินได้สุทธิ” จะคำนวณจากเงินได้พึงประเมินหักด้วยค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว 

สูตรการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได มีดังนี้

ภาษีที่ต้องจ่าย = (เงินได้สุทธิ - เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี + ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด

เงินได้สุทธิต่อปี (บาท) อัตราภาษีต่อปี ภาษีในแต่ละขั้นบันได
0 - 150,000 ยกเว้นภาษี 0
150,001 - 300,000 5% 7,500
300,001 - 500,000 10% 20,000
500,001 - 750,000 15% 37,500
750,001 - 1,000,000 20% 50,000
1,000,001 - 2,000,000 25% 250,000
2,000,001 - 5,000,000 30% 900,000
ตั้งแต่ 5,000,001 ขึ้นไป 35% -

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องชำระเมื่อไหร่

การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

  มีเงินเดือนอย่างเดียว มีเงินเดือนและรายได้อื่นๆ
กำหนดชำระ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 91 ภ.ง.ด. 90
เอกสารแสดงรายได้ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
เอกสารการลดหย่อนภาษี
  • ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ
  • หนังสือรับรองดอกเบี้ยกู้ยืมจากธนาคาร
  • หลักฐานการบริจาค
  • ใบเสร็จรับเงินการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (RMF, SSF, SSFX)

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายื่นที่ไหน

สามารถทำการยื่นภาษีง่ายๆ ผ่านออนไลน์แบบ e-FILING ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร ที่นี่

ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาล่าช้าเกินกำหนดเวลา ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี 

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนคราวด์ฟันดิงบนแพลทฟอร์มของอินเวสทรี สามารถดาวส์โหลดเอกสารต่างๆ อาทิเช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย, ใบเสร็จค่าบริการ ได้ที่ Investor Dashboard

นักลงทุนควรวางแผนภาษีอย่างถูกต้องและครบถ้วน พร้อมกับศึกษาการลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมที่สุด การวางแผนภาษีนอกจากจะทำให้ประหยัดภาษีแล้วยังเป็นการส่งเสริมการออม ซึ่งทำให้แผนการลงทุนมีประสิทธิภาพในระยะยาว
 



นักลงทุนต้องรู้! เช็คสิทธิลดหย่อนภาษี และการวางแผนยื่นภาษีปี 2566

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คืออะไร?

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากรายได้ของบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเงินได้จากการจ้างแรงงาน การทำธุรกิจ การลงทุน การเช่าอสังหาริมทรัพย์ การได้รับมรดกหรือรางวัล หรือเงินอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเสียภาษี 

ใครมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

อ้างอิง เว็บไซต์กรมสรรพากร  ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่

  • บุคคลธรรมดาที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ และ ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี ที่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีไม่ต่ำกว่า 120,000 บาท (สำหรับบุคคลที่มีสถาณะโสด) และ ไม่ต่ำกว่า 220,000 บาท (สำหรับบุคคลที่มีสถาณะสมรส) 
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • วิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
  • ผู้มีเงินได้สุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน มากกว่า 150,000 บาท

รายได้แบบไหนที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

รายได้หรือเงินได้ที่ต้องเสียภาษีแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้

  • รายได้จากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส บำเหน็จ บำนาญ
  • รายได้จากการประกอบธุรกิจ เช่น กำไรจากการค้า อุตสาหกรรม บริการ ขนส่ง หลักทรัพย์
  • รายได้จากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น เงินค่าเช่าบ้าน ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง
  • รายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล กำไรจากการขายหลักทรัพย์
  • รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระ เช่น เงินได้จากการประกอบอาชีพโรคศิลปะ นักกฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี ประณีตศิลปกรรม
  • รายได้จากการได้รับมรดกหรือพินัยกรรม
  • รายได้จากการได้รับรางวัล เช่น รางวัลจากการประกวด รางวัลจากการชิงโชค รางวัลจากการบริจาค
  • รายได้อื่น ๆ เช่น เงินได้จากการได้รับค่าทดแทนความเสียหาย เงินได้จากการได้รับค่าสินไหมทดแทน เงินได้จากการได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากการรับราชการทหาร

ค่าใช้จ่ายแบบไหนที่สามารถนำมาหักได้ในการคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?

ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหักได้ในการคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

ค่าใช้จ่ายเหมา 

เป็นการเหมารวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามประเภทของเงินได้ที่ได้รับ โดยอัตราหักค่าใช้จ่ายเหมาของแต่ละประเภทเงินได้ เช่น

ประเภทเงินได้ หักค่าใช้จ่าย
เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส เบี้ยเลี้ยง 50% ไม่เกิน 100,000 บาท

ค่าใช้จ่ายตามจริง 

เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและจำเป็นต่อการดำเนินกิจการหรืออาชีพของผู้มีเงินได้ เช่น

ประเภทเงินได้ หักค่าใช้จ่าย
ค่านิยม ค่าลิขสิทธิ์ 50% ไม่เกิน 100,000 บาท
วิชาชีพอิสระ ที่ประกอบโรคศิลปะ เช่น กลุ่มเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม เภสัชกรรม การพยาบาล การผดุงครรภ์ กายภาพบำบัด เทคนิคการแพทย์ 60%
วิชาชีพอิสระ เช่น กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี ประณีตศิลปกรรม 30%
รับเหมาก่อสร้าง 60%

ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีอะไรบ้าง?

ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สามารถนำไปหักจากรายได้เพื่อคำนวนเงินได้สุทธิ และ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องชำระ 

รายการ สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ไม่เกิน (บาท) 
 
เงื่อนไข
ผู้มีรายได้ 60,000 -
คู่สมรสที่จดทะเบียน และไม่มีเงินได้ 60,000 -
บุตรอายุไม่เกิน 25 ปี 30,000 ต่อคน -
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดามีอายุ 60 ปีขึ้นไป 30,000 ต่อคน -
ค่าเบี้ยประกันชีวิต กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป 25,000 -
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ 15,000 เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 100,000 บาท
เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 500,000 เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน และค่าซื้อหน่วยลงทุน RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคม 200,000 -
ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร 60,000 -
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เท่าที่จ่ายจริง หักลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 500,000
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หักลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 200,000
เงินลงทุนในหุ้น ธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เท่าที่จ่ายจริง หักลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 100,000

นอกจากนี้นักลงทุนจะต้องพิจารณาการนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเช่น ดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ เงินปันผลจากหุ้นหรือกองทุน ไปรวมกับเงินได้เพื่อประเมินว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่สำหรับการยื่นรายการเงินได้ในส่วนที่โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายทั้งหมด เพื่อรับเครดิตเงินปันผล หรือการขอเงินภาษีคืน

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร?

สูตรการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ภาษีที่ต้องจ่าย = (เงินได้สุทธิ - เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี + ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด

  • เงินได้สุทธิ คือ เงินได้รวมหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ
  • เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า คือ เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้าในตารางอัตราภาษี
  • อัตราภาษี คือ อัตราภาษีตามขั้นบันไดในตารางอัตราภาษี
  • ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด คือ ภาษีที่ต้องจ่ายสูงสุดในขั้นบันไดก่อนหน้า

ทั้งนี้ เงินได้สุทธิสามารถคำนวณได้จาก

เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน 

  • เงินได้ คือ เงินได้ที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  • ค่าใช้จ่าย คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและจำเป็นในการประกอบกิจการหรือในการหารายได้
  • ค่าลดหย่อน คือ รายการค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถนำไปหักออกจากเงินได้ก่อนการคำนวณภาษีเงินได้

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร   

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบันจะคำนวณเป็นแบบขั้นบันได ดังนั้นเงินได้สุทธิแต่ละขั้นจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน โดย “เงินได้สุทธิ” จะคำนวณจากเงินได้พึงประเมินหักด้วยค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว 

สูตรการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได มีดังนี้

ภาษีที่ต้องจ่าย = (เงินได้สุทธิ - เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี + ภาษีขั้นบันไดก่อนหน้าสูงสุด

เงินได้สุทธิต่อปี (บาท) อัตราภาษีต่อปี ภาษีในแต่ละขั้นบันได
0 - 150,000 ยกเว้นภาษี 0
150,001 - 300,000 5% 7,500
300,001 - 500,000 10% 20,000
500,001 - 750,000 15% 37,500
750,001 - 1,000,000 20% 50,000
1,000,001 - 2,000,000 25% 250,000
2,000,001 - 5,000,000 30% 900,000
ตั้งแต่ 5,000,001 ขึ้นไป 35% -

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องชำระเมื่อไหร่

การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

  มีเงินเดือนอย่างเดียว มีเงินเดือนและรายได้อื่นๆ
กำหนดชำระ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 91 ภ.ง.ด. 90
เอกสารแสดงรายได้ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
เอกสารการลดหย่อนภาษี
  • ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ
  • หนังสือรับรองดอกเบี้ยกู้ยืมจากธนาคาร
  • หลักฐานการบริจาค
  • ใบเสร็จรับเงินการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (RMF, SSF, SSFX)

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายื่นที่ไหน

สามารถทำการยื่นภาษีง่ายๆ ผ่านออนไลน์แบบ e-FILING ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร ที่นี่

ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาล่าช้าเกินกำหนดเวลา ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี 

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนคราวด์ฟันดิงบนแพลทฟอร์มของอินเวสทรี สามารถดาวส์โหลดเอกสารต่างๆ อาทิเช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย, ใบเสร็จค่าบริการ ได้ที่ Investor Dashboard

นักลงทุนควรวางแผนภาษีอย่างถูกต้องและครบถ้วน พร้อมกับศึกษาการลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมที่สุด การวางแผนภาษีนอกจากจะทำให้ประหยัดภาษีแล้วยังเป็นการส่งเสริมการออม ซึ่งทำให้แผนการลงทุนมีประสิทธิภาพในระยะยาว