Peer-to-Peer Lending (P2P) คืออะไร? และต่างจาก Funding Portal อย่างไร?
Peer-to-Peer Lending (P2P) คือ แพลตฟอร์มสินเชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคล ส่วน Funding Portal คือ แพลตฟอร์มการระดมทุนออนไลน์ระหว่าง SME กับนักลงทุน ทั้ง P2P และ Funding Portal ทำหน้าที่เหมือนกันในการเชื่อมระหว่างผู้ขอเงินทุน
และผู้ให้เงินทุน/นักลงทุน แต่มีข้อแตกต่างหลักๆ คือประเภทของผู้ขอเงินทุนและจุดประสงค์ของการขอเงินทุน
P2P จะให้บริการหาเงินทุนในลักษณะของสินเชื่อบุคคลเพื่อการใช้จ่ายส่วนตัว (Personal Loan) ขณะที่ Funding Portal จะให้บริการหาเงินทุนเพื่อธุรกิจ ผ่านการระดมทุน (Debt Crowdfunding) ให้ SME ที่จดทะเบียนในลักษณะบริษัทจำกัด
องค์กรที่ดูแลและกำกับ P2P คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และองค์กรที่ดูแลและกำกับ Funding Portal คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยมีรายละเอียดหลักดังนี้
คุณสมบัติหลักของ Peer-to-Peer Lending Platform
-
จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย
-
มีทุนจดทะเบียน ไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท
-
มีคนไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 75%
-
ห้ามประกอบธุรกิจอื่น (ยกเว้นธุรกิจที่เกี่ยวกับ P2P เช่น ธุรกิจติดตามทวงหนี้)
ผู้ที่จะประกอบธุรกิจ P2P จะต้องเข้าร่วมการทดสอบการให้บริการภายใต้ Regulatory Sandbox ของ ธปท. เพื่อให้ความมั่นใจว่าผู้สมัครมีการให้บริการที่เหมาะสมและครบถ้วน และสามารถขอรับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังหลังผ่านการทดสอบ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าทดสอบการให้บริการภายใต้ Regulatory Sandbox สามารถดูได้ที่นี่
คุณสมบัติหลักของ Funding Portal
-
จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย
-
มีทุนจดทะเบียน ไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท
-
มีระบบงานตามที่ กลต.กำหนด อาทิเช่น ระบบตรวจสอบตัวตน ระบบทดสอบความเข้าใจการลงทุน (knowledge test) ระบบการจัดการเก็บรักษาเงินค่าจองซื้อ
ผู้ที่จะประกอบธุรกิจ Funding Portal จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก กลต. ก่อนจึงจะเปิดให้บริการได้ รายชื่อของ Funding Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน กลต. สามารถดูได้ที่นี่
หน้าที่หลักของผู้ให้บริการ P2P และ Funding Portal ที่มีต่อผู้ขอเงินทุน
-
คัดกรองคุณสมบัติผู้ขอเงินทุน
-
ประเมินความน่าเชื่อถือ โดยการวิเคราะห์ความเสี่ยง และทำ Credit Scoring
-
ยื่นข้อเสนอ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาชำระคืน
-
อำนวยความสะดวกในการชำระเงินคืน
หน้าที่หลักของผู้ให้บริการ P2P และ Funding Portal ที่มีต่อนักลงทุน
-
สร้างความเข้าใจ และให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนและความเสี่ยงของการลงทุน
-
จัดการให้มีการทดสอบความรู้เกี่ยวกับการลงทุนให้แก่นักลงทุนซึ่งนักลงทุนจะต้องสอบผ่านก่อนถึงจะมีสิทธิในการลงทุน
-
เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขอเงินทุนที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุนในการตัดสินใจ
-
อำนวยความสะดวกในการชำระคืนเงินทุน รวมทั้งการติดตามทวงถามในกรณีผู้ขอเงินทุนชำระคืนล่าช้า หรือไม่สามารถชำระคืนได้
ข้อแตกต่างระหว่าง P2P และ Funding Portal
Peer-to-Peer Lending Platform | Funding Portal | |
ผู้ขอเงินทุน | บุคคลธรรมดา | บริษัทจำกัด หรือ บริษัทมหาชน ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ |
จุดประสงค์ของการขอเงินทุน | เพื่อการใช้จ่ายส่วนตัวในนามบุคคล | เพื่อธุรกิจ |
อัตราดอกเบี้ย (ต่อปี) | ไม่เกิน 15% | 6%-26% (อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยของอินเวสทรี) |
นักลงทุนรายบุคคล | สามารถลงทุนได้ ไม่เกิน 5 แสนบาท ต่อปี |
สามารถลงทุนได้ ไม่เกิน 1 ล้าน บาทต่อปี (นับรวมทั้งหุ้นและหุ้นกู้) และลงทุนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อ 1 บริษัท |
นักลงทุนสถาบัน และ นักลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ |
สามารถลงทุนได้ไม่จำกัด |
สรุปง่ายๆ คือ บุคคลธรรมดาที่กำลังมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลเหมาะกับการใช้ P2P และ SME ที่กำลังมองหาสินเชื่อ SME หรือ สินเชื่อธุรกิจ เหมาะกับการใช้ Funding Portal โดยทั้งสอง Platform มีวัตถุประสงค์ที่เหมือนกันคือเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่ต้องการเงินทุนเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสการลงทุนให้นักลงทุนได้กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ใหม่
อินเวสทรี ในฐานะผู้ให้บริการ Funding Portal ที่ได้รับการยอมรับจาก กลต. อยากฝากให้ผู้ขอเงินทุน ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจระดมทุน และหวังว่าแหล่งเงินทุนนี้จะสร้างความเท่าเทียมด้านการเงิน และช่วยให้ SME เติบโตได้อย่างยั่งยืน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่